ดูบทความ
ดูบทความยางแตกและยางนูนคืออะไร มีลักษณะอย่างไร?
ยางแตกและยางนูนคืออะไร มีลักษณะอย่างไร?
สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินจะนำเรื่องยางแตก และยางนูนมานำเสนอให้ได้ทราบกัน เนื่องจากยางสองชนิดนี้มีเป็นยางที่มีคุณสมบัติพิเศษ รวมทั้งเป็นสินค้าที่ขายดีของบริษัทเราอีกด้วยค่ะ
ยางแตกคืออะไร?
ยางแตก (Crack print) เป็นยางพิมพ์สกรีนที่เกิดจากโครงสร้าง ABS - Emulsion ดังนั้นจึงทำให้เกิดลักษณะชิ้นงานที่โดดเด่น คือ ชิ้นงานที่ได้จะเกิดรอยแตก ว่าง่ายๆก็คือ เมื่อเราพิมพ์ยางชนิดนี้ลงบนผ้าแล้ว จะมีรอยแตกเกิดขึ้น ลักษณะการแตกจะคล้ายเม็ดข้าวโพด ซึ่งลายแตกนั้นจะเป็นรอยใหญ่หรือเล็ก นั้นสามารถควบคุมได้ โดยในการที่เราจะควบคุมความใหญ่เล็กของลายแตกนั้น เกิดจากการปัจจัยต่างๆเช่น
- รอบของการพิมพ์
- ลักษณะของยางพิมพ์ที่รองพื้น (หากใช้ยางรองพื้นของ 9CP จะทำให้ยางแตกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น)
- ความชื้นในอากาศ (จากสถานที่ทำงาน) หากอากาศร้อนเกินไปจะทำให้ยางแตกเร็ว และมีขนาดเล็ก
(ภาพตัวอย่างการพิมพ์ยางแตก)
โดยส่วนมากจะนิยมพิมพ์ในงานแฟชั่น งานที่เน้นความแปลกแตกต่าง หรืองานที่ต้องโชว์จุดเด่นบางอย่าง ก็สามารถเลือกใช้ยางแตกเพื่อพิมพ์ได้เช่นกันค่ะ เช่นตัวอย่างงานพิมพ์ของ 9chemical ออกแบบในลักษณะที่ต้องการสื่อถึงริ้วรอย จึงเลือกยางแตกมาใช้ในการพรีเซ้นท์นั่นเองค่ะ
จุดเด่นของยางแตกจาก 9CP คือ ยางแตกของเรานั้นเกิดจาก knowhow ของทางทีมวิจัยบริษัท ซึ่งเราได้คิดค้นสูตรขึ้นมาเอง ซึ่งยางชนิดนี้อาจไม่แตกต่างจากยางแตกที่ผลิตจากบริษัทต่างชาติมากนัก แต่ก็กล่าวได้ว่าเราเป็นเจ้าแรกๆในเมืองไทยที่มีการผลิตยางชนิดนี้ขึ้นมาค่ะ
ยางนูนคืออะไร?
ยางนูน (puff print) เป็นยางพิมพ์สกรีนที่เกิดจากโครงสร้าง Copolymeric - blend with blowing agent ลักษณะชิ้นงานเป็นแบบเฉพาะที่มีความนูนสูงขึ้นจากพื้นผิวของชิ้นผ้า (โค้งเป็นหลังเต่า) ซึ่งเป็นลักษณะที่เหมาะสมกับงานที่เด่นการออกแบบที่โดดเด่น และเน้นรูปแบบที่แตกต่าง โดยคุณสมบัติทั่วไปของชิ้นงานมีเนื้อผิวสัมผัสที่นุ่ม(มาก)มีเนื้อสีมาก ลักษณะของชิ้นงานที่มองเห็นจะมีความด้าน (ไม่สะท้อนแสง) ของชิ้นงาน และมีความสามารถในการยึดเกาะบนเนื้อผ้าต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นิยมพิมพ์ลงบนผ้า Cotton หรือผ้า poly
(ภาพตัวอย่างการพิมพ์ยางนูน)
จุดเด่นของเราที่แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆในตลาดก็คือ ยางนูนของ 9Chemical นั้นจะขึ้นตัวสม่ำเสมอเป็นเม็ดๆ และเวลาที่พิมพ์งานสีของยางพิมพ์จะไม่ค่อยเปลี่ยนเฉด ไม่กินสี (อาจจะซีดลง 5-7 %) ทำให้เวลาที่พิมพ์งานออกมาแล้วสีที่ได้จะไม่ค่อยผิดเพี้ยนจากสีภาพต้นฉบับ
โดยส่วนมากจะนิยมใช้ยางนูนในงานประเภทแฟชั่น หรืองานที่ต้องการความแปลกใหม่ และเน้นลายพิมพ์ที่โดดเด่นเนื่องจากลายพิมพ์นั้นจะมีลักษณะนูนออกมานั่นเองค่ะ
24 พฤศจิกายน 2559
ผู้ชม 1926 ครั้ง